เมื่อปีที่ผ่านมานี้ทางร้านได้เข้าร่วมงานนินปอนฮาคุที่สยามพารากอนและได้นำดาบไม้จำนวนหนึ่งไปนำเสนอ คำถามหนึ่งที่ได้รับจากผู้ที่เข้ามาเลือกซื้อดาบไม้หลาย ๆ ท่านคือเรื่องของการเลือกซื้อดาบไม้และเรื่องของความแตกต่างระหว่างดาบไม้ราคาถูกและราคาแพงว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร หลายคนยังไม่เข้าใจเพราะเห็นเป็นเพียงแค่ดาบไม้ จึงขอมานำเสนออีกครั้งในเว็บไซต์ดังนี้
สำหรับในที่นี้จะขอใช้ดาบไม้ของผู้เขียนเป็นตัวอย่างเพื่อการเปรียบเทียบดาบไม้หลาย ๆ แบบ โดยเป็นดาบที่เคยใช้งานและเก็บรักษาไว้เป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากสมัยสิบยี่สิบปีก่อนดาบไม้ยังหาได้ยากไม่เหมือนในปัจจุบัน
ในรูปต่อไปนี้มีดาบสี่เล่ม ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ได้แก่ (จากซ้ายไปขวา)
1. ดาบไม้ โอ๊คขาวเกรด A เป็นดาบเล่มหนึ่งที่ใช้งานในปัจจุบัน
2. ดาบไม้ เนื้อแข็งสีดำ เป็นดาบที่ซื้อมาจากสิงคโปร์
3. ดาบไม้ โอ๊คแดงเกรด C เป็นดาบที่ซื้อมาจากศาลเจ้าในญี่ปุ่น ราคาถูกประมาณ 1000 เยน (ประมาณ 300 บาท) เป็นแบบทาเคลือบด้านนอก
4. ดาบไม้ โอ๊คขาวเกรด B เป็นดาบไม้ที่ได้รับมาจากโรงฝึกในญี่ปุ่น
5. ในอีกรูปหนึ่งจากด้านบนเล่มที่สองจะเป็นดาบไม้ ทำจากไม้แดง
เป็นดาบสั่งทำในประเทศ ในสมัยก่อนประมาณ 15 ปีก่อน เพราะ สมัยนั้นยังนำเข้ายาก
ความแตกต่าง
ในญี่ปุ่นนั้นสำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นมักใช้งานดาบไม้โอ๊คเป็นหลัก เนื่องจากเป็นไม้เนื้อปานกลางเนื้อไม้นั้นไม่อ่อนและไม่แข็งเกินไป จึงทำให้สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ระดับหนึ่ง หากใช้ดาบไม้ที่เป็นไม้เนื้อแข็งทั่วไปมักมีปัญหาเนื่องจากความแข็งของเนื้อไม้ เช่น
เมื่อมีการปะทะกันมีโอกาสที่จะหักหรือแตกมากกว่า
ด้านราคาดาบไม้แบบมาตรฐาน ดาบไม้เนื้อแข็งมีราคาถูกที่สุด ดาบไม้โอ๊คแดง และ โอ๊คขาว ราคาขึ้นกับเกรดของไม้ นอกจากนั้นจะเป็นดาบไม้ราคาแพงอื่น ๆ
หากคนที่หาข้อมูลเกี่ยวกับดาบไม้ญี่ปุ่นในเวปต่างประเทศโดยทั่วไปแล้ว จะพบเห็นว่าส่วนมากมีคำแนะนำเหมือนกันเกือบทั้งหมด คือ สำหรับผู้หัดใหม่ควรใช้ไม้โอ๊คเพราะมีราคาถูกและคุณภาพดี หลังจากนั้นค่อยเขยิบไปที่ไม้โอ๊คขาวเพราะมีคุณภาพดีแต่มีความทนทานกว่าโอ๊คแดง หลังจากนั้นค่อยไปที่ไม้ญี่ปุ่นที่ทนทานกว่าอื่น ๆ
ในที่นี้ขอแนะนำเบื้องต้น ได้แก่
1. ไม้โอ๊คแดง (Aka Kashi) – น้ำหนักเบา มีราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีความทนทานและยืดหยุ่นพอสมควร ไม่เหมาะกับการปะทะหนัก
2. ไม้โอ๊คขาว (Shiro Kashi) – หนักกว่าโอ๊คแดง มีความทนทานและยืดหยุ่นสูงมากกว่าโอ๊คแดง สามารถใช้งานได้ทุกแบบ ใช้เพื่อการปะทะได้ดี แต่ปรกติแล้วจะมีราคาสูงกว่าโอ๊คแดง ถ้าเป็นโอ๊คขาวเกรดดีมาก ๆ ราคาอาจแพงกว่าเป็นเท่าตัว
อย่างไรก็ตามดาบไม้โอ้คเพื่อการฝึกซ้อมนั้นจะมีหลายเกรด ทั้งแบบของที่ระลึก พอใช้ได้ ดี หรือ ดีมาก ซึ่งราคาต่างกันไปตามประเภทของไม้ (แต่ละแบบต่างกันมาก)
ดาบไม้ที่ใช้ฝึกจะมีคุณภาพไม้ดีกว่าจึงมักมีราคาสูงกว่า ส่วนดาบไม้ที่ขายเป็นของที่ระลึกราคาจะถูกกว่ามากถึงเป็นไม้โอ้คเหมือนกับดาบไม้ที่ใช้ฝึกแต่ไม้จะคุณภาพไม่เหมือนกันเช่นเป็นแบบที่มีเสี้ยน เนื้อเปราะหรือหยาบไม่เหมาะกับการฝึก ดาบของเล่น ดาบคอร์สเพลย์หรือดาบของที่ระลึกมักขายกันพบกันตามร้านขายของเล่น หรือ ร้านขายของที่ระลึกทั่วไปในญี่ปุ่น ช่วงหลังงานจากจีนจะพบเห็นว่ามีการพันด้ามจับด้วยเชือกไนล่อนเพื่อเพิ่มมูลค่า (ดาบประเภทนี้ผู้เขียนขอข้ามไปเพราะไม่เคยได้ซื้อมาใช้งานเนื่องจากเป็นดาบที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายสำหรับการฝึกซ้อม)
ภาพต่อไปนี้หากเปรียบเทียบดาบไม้โอ๊คแดงเกรด C (แม้สติ้กเกอร์เขียนภาษาญี่ปุ่นไว้ว่าเกรดพิเศษ) และโอ๊คขาว เกรด A จะเห็นได้ว่าดาบไม้โอ๊คแดงจะมีรอยแตกและรอยร้าวที่เห็นได้อย่างชัดเจน หากจับตัวดาบจะพบว่าความหยาบของไม้ต่างกันอย่างรู้สึกได้ชัด
ในเรื่องของการใช้งานดาบไม้เนื้อแข็งสีดำ และ โอ๊คแดงเกรด C นั้นเมื่อใช้นาน ๆ รอยขีดข่วนกลายเป็นสีขาวเห็นได้อย่างชัดเจน
รูปต่อไปเป็นปัญหาของดาบไม้เนื้อแข็งราคาถูก คือเนื้อไม้มักจะไม่เนียนเรียบและมีเสี้ยนค่อนข้างเยอะ จนจะมีความเสี่ยงหากนำไปใช้กับคู่ซ้อม จะเห็นได้จากเงาของดาบไม้สีดำตามรูป ส่วนดาบไม้แดงที่สั่งทำในบ้านเราถึงแม้จะดีกว่าดาบไม้ราคาถูกแต่ก็ยังมีเสี้ยนเมื่อใช้ไปนาน ๆ
เรื่องน้ำหนักไม่ต้องพูดถึงเพราะดาบไม้สีดำเบามาก จนไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับดาบที่เหลือได้
สำหรับดาบไม้โอ๊คมักเนียนเรียบมากกว่าไม้เนื้อแข็ง แต่ไม้โอ๊คแดงเกรด C นั้นมีเนื้อไม้ที่มีความหยาบมากกว่าดาบไม้โอ๊คขาวเกรด A มากอย่างเป็นได้ชัด
เมื่อใช้งานดาบไปสักระยะหนึ่งเนื้อไม้กับเสี้ยนต่างๆ จะมีผลกับดาบ ทำให้มีผลสำหรับเรื่องความปลอดภัยเมื่อนำไปใช้ในการฝึกค่อนข้างมาก ตามรูป ดาบไม้เนื้อแข็งสีดำ มีร่องรอยที่ส่วนของใบดาบค่อนข้างง่ายเมื่อนำดาบไปปะทะกันแม้จะเคยใช้งานไม่กี่ครั้ง เพราะเป็นดาบทาสี ไม่เหมาะกับการฝึกนั่นเอง
ดาบไม้โอ๊คเกรด C แม้ว่าจะรับแรงกระแทกได้พอสมควรก็ยังมีโอกาสเกิดรอยแตกบนใบดาบตามรูป นอกจากนั้นดาบไม้ทาสีมักเกิดรอยหลังใช้งานได้ง่ายมาก ซึ่งมักจะไม่มีปัญหากับไม้โอ๊คเกรดสูงที่ไม่จำเป็นต้องทำสี
ในรูปต่อไป เป็นดาบไม้แดงที่เป็นไม้เนื้อแข็งทำในไทย แม้ร้านในตอนนั้นจะบอกว่าใช้ไม้แข็งที่สุดแล้วทำ ปรากฏว่าเป็นดาบที่พบว่าหักบ่อยที่สุด เนื่องจากไม้แดงแม้จะเหมาะกับการใช้ในงานหลาย ๆ อย่างแต่เมื่อถูกปะทะกันแรง ๆ ยังไม่ยืดหยุ่นพอ จึงเกิดการแตกได้ดังรูป (ส่วนที่หักพังแล้วไม่ได้เก็บไว้)
ส่วนสำหรับดาบไม้โอ๊ค จะเห็นได้ว่าเมื่อมีการปะทะสามารถดูดซับแรงกระแทกได้มาก ไม้นั้นไม่แตกแต่จะกลายเป็นรอยบุ๋มแทน
นอกจากนั้นอยากจะขอยกตัวอย่างดาบไม้โอ๊คเกรดดีมากที่ผู้เขียนซื้อมาระหว่างพักในประเทศญี่ปุ่นอีกเล่มหนึ่ง ในรูปข้างล่างคือเล่มล่างสุดที่เป็นสีน้ำตาล ทำจากไม้โอ๊คแดงของญี่ปุ่น ในขณะนั้นมีราคาประมาณ 2000-3000 บาท เป็นดาบที่ผู้เขียนใช้งานมาประมาณ 8-9 ปีแล้ว จะเห็นว่ามีสภาพที่ยังดีอยู่มากแม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปี ซึ่งเป็นดาบที่มีคุณภาพสมราคาเล่มหนึ่ง แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีดาบไม้ที่ราคาแพงกว่านี้อีกมาก (หลายหมื่นบาท)
สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้การหาดาบไม้ดี ๆ สักเล่มไว้ใช้งานอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถัน แน่นอนว่าหากใช้งานดาบไม้ไม่ถูกวิธี การฟันที่ไม่ถูกต้อง การปะทะที่รุนแรงเกินไป ไม่ว่าดาบไม้ประเภทไหนก็มีโอกาสแตกหักทั้งนั้น
บทความด้านบนนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน ในภายหลังเมื่อมีโอกาสต้องแนะนำดาบสำหรับลูกศิษย์ให้ใช้งาน จึงมักแนะนำดาบไม้โอ๊คเกรดดีให้กับลูกศิษย์ใช้งานมากกว่าดาบไม้เนื้อแข็งและดาบไม้โอ๊คเกรดล่างแม้ว่าราคาจะแตกต่างกันก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้ฝึกครับ
สำหรับในส่วนของร้าน Bushin shop นี้ ผมเลือกนำมาเฉพาะดาบไม้โอ๊คขาวเกรดดี ที่อยู่ในรูปแบบมาตรฐาน ซึ่งปรกติส่งขายในร้านศิลปะการต่อสู้ในญี่ปุ่นและมีขายในเวปไซต์อุปกรณ์ศิลปะการต่อสู้ชั้นนำของต่างประเทศ จึงเหมาะกับการใช้งานในโรงฝึกศิลปะการต่อสู้นั่นเอง
ปล. ในที่นี้พูดถึงดาบไม้ทรงมาตรฐานเท่านั้นนะครับ ส่วนดาบทรงอื่น ๆ ที่ใช้เฉพาะวิชา(ริว)ต่าง ๆ ส่วนมากที่มีขายก็จะเป็นโอ๊คขาวกันเกือบหมดอยู่แล้วครับ หรือไม่ของพวกอาจารย์ในญี่ปุ่นก็จะดีกว่าโอ๊คขาวไปมาก ๆ เลย